Secure Zone บนโลกไอทีอยากอยู่โซนนี้ต้องทำอย่างไร

ไอที

หลายคนคงเคยประสบปัญหาเกี่ยวกับความปลอดภัยไอทีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการรั่วไหลของข้อมูลส่วนตัว จากการโจมตีของมัลแวร์สายพันธุ์แปลกใหม่ ไปจนถึงการที่ข้อมูลส่วนตัวของเรา ถูกนำไปใช้ประโยชน์ทางการค้ามากขึ้น ผ่านการตลาดออนไลน์ แบบเจาะกลุ่มเป้าหมายเป็นรายบุคคล

โดยที่ผู้ก่อตั้งเหล่านี้ หรือที่เรียกกันว่าแฮกเกอร์ ที่ได้พัฒนาทั้งด้านฝีมือ และเครื่องมือให้มีความซับซ้อน และทำการดักจับได้ยากขึ้น สำหรับพวกเราผู้ใช้งาน ย่อมจะเป็นการดีกว่าแน่นอน ถ้าได้เตรียมพร้อมรับมือ กับสิ่งที่ไม่คาดฝันเหล่านี้ วันนี้เราก็มีวิธีง่ายๆ ที่ควรทำเพื่อนำตัวเองไปอยู่ในโซนที่ปลอดภัยด้านไอที

อย่างแรกเลยคืออย่าเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวมากเกินไป การใช้ชีวิตอยู่บนโลกออนไลน์ เราย่อมไม่รู้ว่าใครเป็นใคร จะมาหวังดีแต่ประสงค์ร้ายหรือเปล่า ข้อมูลของเราอาจถูกแชร์ไปถึงไหนต่อไหนก็ไม่รู้ การกำหนดกรอบการเปิดเผย ข้อมูลส่วนตัวล่วงหน้าถือว่าเป็นสิ่งจำเป็น บางทีการแชร์ภาพหรือการโพสต์ข้อความอะไรก็ตาม ต้องเตือนตัวเองเสมอ ว่าผู้อื่นได้ล่วงรู้ข้อมูลส่วนตัวของเราเกินสมควรไปหรือเปล่า

ในกรณีเดียวกันเมื่อแอฟตัวใหม่ที่เรายังไม่ค่อยคุ้น บางตัวขอสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของเรา เกินกว่ากรอบที่กำหนดไว้ เราก็ไม่ควรให้สิทธิ์ เช่น ขอบันทึกข้อมูลบัตรเครดิตไว้ หรือเข้าถึงข้อมูลชื่อ เบอร์โทร รวมไปถึงการแชทออนไลน์ ที่ควรกำหนดขอบเขตให้ชัดเจน และไม่ควรแชร์ความเห็นแบบแรงๆ ประเภทที่อาจทำร้ายความรู้สึกของใครบางคน ซึ่งก็จะเป็นการสร้างศัตรูโดยที่ไม่จำเป็น

อย่าทิ้งประวัติการใช้งานออนไลน์ไว้ รู้หรือไม่ว่าการกรอกข้อมูลเพื่อรับข่าวสาร หรือพวกกดรับ Notifications จากเว็บไซต์หรือโซเชียลมีเดีย นั่นหมายถึงการตกเป็นเหยื่อ ของอัลกอรึทึมที่ชาญฉลาดของเว็บไซต์ของ Brands ต่างๆ ซึ่งพวกนี้จะมีการประมวลผล รูปแบบในการแสดงเนื้อหาให้พวกเราเห็นแตกต่างกันไป ตามความสนใจของแต่ละบุคคล ผู้ให้บริการเหล่านี้จะรู้จักเราได้ จากการติดตามการใช้งานผ่าน Browser ที่เราใช้งานนั่นเอง

โดยที่ผ่าน Cookie ซึ่งก็คือ ข้อมูลขนาดเล็กซึ่งถูกเก็บไว้ในเครื่องของเรา เช่น ข้อมูลการเข้าถึงเว็บไซต์ หรือจะเป็นข้อมูลส่วนตัวของเรา หรืออาจจะมีโปรแกรมจำพวก Spywaer แอบเข้ามาเก็บข้อมูลของเราไปด้วย ถ้าเป็นไปได้เราขอแนะนำให้ล้าง Cookie ทุกครั้งหลังใช้งานหรือสั่ง Disable Cookie โดยถาวรไปเลย

การจัดการรหัสผ่าน ในการตั้งค่ารหัสผ่านให้ซับซ้อนแค่ไหนก็ตาม อาจจะไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว เพราะทุกวันนี้หลายคนที่ตกเป็นเหยื่อแฮกเกอร์ ก็มาจากการใช้รหัสผ่านชุดเดียวกันในหลายๆ บัญชี ซ้ำร้ายชีวิตทั้งชีวิต อาจจะตกอยู่ในมือของแฮกเกอร์เรียกค่าไถ่ หากคนๆ นั้นได้ใช้รหัสผ่านชุดเดียวกันหมดในทุกบัญชี นักวิจัยกำลังสาละวน อยู่กับการออกแบบระบบการแจ้งเตือน เพื่อให้ผู้ใช้งานทราบ

เมื่อหนึ่งในรหัสผ่านที่ใช้ซ้ำเหล่านี้มีการรั่วไหล แต่ก็จะเป็นการปลอดภัยกว่า หากได้เลือกใช้รหัสผ่านที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับบัญชีที่มีความสำคัญทางด้านการเงิน และทุกวันนี้ผู้ใช้งานมีทางเลือกใช้ซอฟต์แวร์ มาจัดการกับรหัสผ่าน แม้จะไม่ปลอดภัยแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็ยังดีกว่าการใช้รหัสผ่านแบบเดิมๆ ที่ไม่เคยได้เปลี่ยนเลย